วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2550


จี-จูเนียร์ (G-Jr) กลุ่มศิลปิน จาก ค่าย จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ออกผลงานเพลงครั้งเเรก เมื่อปี พ.ศ. 2549 ใช้ชื่ออัลบั้มว่า "G-Jr (10 Club)"

สมาชิกในกลุ่ม

จี-จูเนียร์ ประวัติ

ซิงเกิล

วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2550

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอนุสรมงคลการ
วิกิพีเดียยังไม่มีบทความที่ตรงกับชื่อนี้
เริ่มบทความ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ
ค้นหา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ ในบทความอื่น ๆ
ดูบทความที่กล่าวถึง พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ
ถ้าคุณสร้างหน้านี้แล้วเมื่อไม่นานมานี้แต่มันยังไม่ปรากฏขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีการล่าช้าในปรับปรุงฐานข้อมูล ลองล้างข้อมูลเก่าในเครื่อง หรือกรุณารอสักครู่และตรวจดูอีกครั้งก่อนที่ท่านจะลองสร้างหน้าใหม่
ถ้าคุณสร้างบทความชื่อเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันอาจจะถูกลบไปแล้ว ดู ปูมการลบ และทำไมหน้าถึงโดนลบ
ถ้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ ให้ลองถามที่ ปุจฉา-วิสัชนา

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ATC รหัส D
ส่วนของ ระบบจำแนกประเภทยาตามการรักษาทางกายวิภาคศาสตร์ (Anatomical Therapeutic Chemical Classification System)

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2550


พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ พระนามเดิม พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาสังวาลย์ ธิดานายศัลยวิชัย ( ทองคำ ณ ราชสีมา ) ประสูติเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๐๐ ทรงเป็นพระบิดาแห่งภาพยนตร์ไทย
พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ทรงพระปรีชาในด้านงานช่าง ทรงร่วมรับหน้าที่บูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อครั้งสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้เฉลิมเกียรติพระองค์ ทรงกรมเป็น กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจ ผู้บังคับการกรมช่างมหาดเล็ก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๑ ทรงบังคับบัญชางานช่างต่างๆ ในพระบรมมหาราชวังชั้นใน พระราชวังบางปะอิน สวนสราญรมย์ ทรงรับผิดชอบงานโยธาในการก่อสร้าง พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร
กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจได้ตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวประพาสสิงคโปร์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๙ และได้ทอดพระเนตรภาพยนตร์เป็นครั้งแรก ในปีต่อมา ทรงตามเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกในปี พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้ทรงจัดซื้อเครื่องซีเนมาโตกราฟฟี ซึ่งเป็นทั้งกล้องถ่ายและเครื่องฉายภาพยนตร์ กลับมาเมืองไทยด้วย ภาพบันทึกเหตุการณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสยุโรป เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ นับเป็นภาพยนตร์ม้วนแรกสุดในโลกที่ได้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับชาติไทย
ภาพ:100yr_thaifilm1.jpgภาพ:100yr_thaifilm2.jpgภาพ:100yr_thaifilm3.jpgภาพ:100yr_thaifilm4.jpg
ภาพแสตมป์ที่ระลึก ๑๐๐ ปี ภาพยนตร์ไทย พ.ศ. ๒๔๔๐ - ๒๕๔๐
กรมหมื่นสรรพสาตรศุภกิจได้ทรงถ่ายทำภาพยนตร์บันทึกเหตุการณ์เบ็ดเตล็ด ทั้งในและนอกเขตพระราชวัง จนถึงภาพพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง ทรงเป็นผู้ดำเนินธุรกิจจัดฉายภาพยนตร์เก็บค่าดูจากสาธารณชน ที่บริเวณวังสรรพสาตรศุภกิจ และในงานออกร้านประจำปีวัดเบญจมบพิตร นับว่าทรงเป็นพระบิดาแห่งภาพยนตร์ไทย
พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ทรงประทับอยู่ที่วังสรรพสาตรศุภกิจ ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๔ วังนี้ถูกไฟไหม้หมดจนเหลือแต่ซุ้มประตูทางเข้าวัง เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๐ และมีการสร้างตึกแถวสมัยใหม่ขึ้นมาแทน ปัจจุบันย่านนี้เรียกว่า แพร่งสรรพศาสตร์
พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์ ทรงได้รับเฉลิมพระเกียรติเป็น พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงรับราชการตำแหน่งสุดท้ายเป็น นายพันเอกราชองครักษ์ ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๒ พระชนมายุได้ ๖๒ พรรษา ทรงเป็นต้นราชสกุล ทองแถม และทรงมีเชื้อสายที่ไม่ได้นับเป็นราชสกุล คือสกุล ทองเจือ และ สุวรรณรัฐ

กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ พระโอรส-ธิดา
หม่อมเจ้าเม้า รองทรง พระธิดาในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ารองทรง กรมหมื่นสิทธิสุขุมการ ราชสกุลวังหน้าในรัชกาลที่ ๒

หม่อมเจ้าทองเชื้อธรรมชาติ ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๒๗-๒๔๗๖) เษกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงพันธ์สิหิงค์ ทองใหญ่
หม่อมเจ้าทองชมพูนุท ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๓๓-๒๔๙๑) เษกสมรสกับ หม่อมหลวงแฉล้ม
หม่อมเจ้าทองเติม ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๓๕-?) เษกสมรส
หม่อมเจ้าทองต่อ ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๓๖-๒๕๐๑) เษกสมรสกับ หม่อมเจ้าพิมพ์รำไพ รพีพัฒน์
หม่อมเจ้าหญิงทองบรรณาการ ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๔๖-ปัจจุบัน?) เษกสมรส หม่อมเจ้าเม้า รองทรง

หม่อมเจ้าหญิงเครือมาศวิมล ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๒๗-๒๔๘๒) หม่อมราชวงศ์เกษรสุมาลี อิศรางกูร
ธิดาในหม่อมเจ้าตุ้ม อิศรางกูร น้องสาวหม่อมราชวงศ์เกษรสุมาลี อิศรางกูร





หม่อมเจ้าหญิงกนกนารี ทองแถม (พ.ศ. ๒๔๓๗-๒๕๑๑)

วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ไนกี
วิกิพีเดียยังไม่มีบทความที่ตรงกับชื่อนี้
เริ่มบทความ รายชื่อรัฐวิสาหกิจไทย แยกต
ค้นหา รายชื่อรัฐวิสาหกิจไทย แยกต ในบทความอื่น ๆ
ดูบทความที่กล่าวถึง รายชื่อรัฐวิสาหกิจไทย แยกต
ถ้าคุณสร้างหน้านี้แล้วเมื่อไม่นานมานี้แต่มันยังไม่ปรากฏขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีการล่าช้าในปรับปรุงฐานข้อมูล ลองล้างข้อมูลเก่าในเครื่อง หรือกรุณารอสักครู่และตรวจดูอีกครั้งก่อนที่ท่านจะลองสร้างหน้าใหม่
ถ้าคุณสร้างบทความชื่อเรื่องนี้ก่อนหน้านี้ มันอาจจะถูกลบไปแล้ว ดู ปูมการลบ และทำไมหน้าถึงโดนลบ
ถ้าต้องการถามคำถามเกี่ยวกับ รายชื่อรัฐวิสาหกิจไทย แยกต ให้ลองถามที่ ปุจฉา-วิสัชนา

วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2550

ที่ตั้งและอาณาเขต
เขตตลิ่งชันเดิมเป็นอำเภอเก่าแก่อยู่ในพื้นที่การปกครองของจังหวัดธนบุรี แต่ปัจจุบันธนบุรีได้รวมอยู่กับกรุงเทพมหานครแล้ว ในปี พ.ศ. 2541 พื้นที่เขตทางทิศตะวันตกของถนนกาญจนาภิเษกได้ถูกแบ่งและจัดตั้งเป็นเขตใหม่ คือเขตทวีวัฒนา ทุกวันนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของเขตก็ยังคงเป็นพื้นที่เกษตร ได้แก่ สวนผัก สวนผลไม้ แต่ก็เริ่มที่จะมีการสร้างบ้านจัดสรรเข้ามาด้วย

เขตตลิ่งชัน การแบ่งเขตการปกครอง
ปัจจุบันในพื้นที่เขตตลิ่งชันมีทางสายหลักอยู่ 3 สาย คือ ถนนบรมราชชนนี ถนนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี และถนนราชพฤกษ์
ส่วนทางสายรองนั้นมีอยู่ทั่วไป และเข้าถึงพื้นที่เกือบทั้งหมดของเขต ได้แก่ ถนนฉิมพลี ถนนทุ่งมังกร ถนนสวนผัก ถนนบางพรม ถนนชักพระ ถนนบางระมาด ถนนวัดอินทราวาส ถนนบางเชือกหนัง ถนนแก้วเงินทอง ถนนชัยพฤกษ์ และถนนปากน้ำกระโจมทอง ซึ่งตามริมถนนทั้งสายหลักและรองดังกล่าวก็ยังมีตรอกซอกซอยแยกย่อยออกไปอีก

วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2550

นันทนาการ
นันทนาการ (Recreation) คือ กิจกรรมที่สมัครใจทำในยามว่าง เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลิน ผ่อนคลายความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจ นันทนาการ การเล่น และความสนุกสนาน ไม่สงวนไว้แต่มนุษย์ แต่พบได้ในสัตว์เกือบทุกชนิด การเล่นช่วยพัฒนาทักษะต่าง ๆ โดยเฉพาะทักษะการเคลื่อนไหวในสิ่งมีชีวิตวัยเยาว์
สำหรับมนุษย์ กิจกรรมนันทนาการมักเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ และวันหยุด ประกอบด้วย ดนตรี การเต้นรำ กีฬา งานอดิเรก เกม และการท่องเที่ยว การดูโทรทัศน์ และฟังเพลง เป็นรูปแบบสามัญของนันทนาการ

วันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Apache HTTP Server
อะแพชี เว็บเซิร์ฟเวอร์ (Apache HTTP Server) คือซอฟต์แวร์สำหรับเปิดให้บริการเซิร์ฟเวอร์บนโปรโตคอล HTTP โดยสามารถทำงานได้บนหลายระบบปฏิบัติการ ที่มาของชื่อ apache มาจากชื่อชนเผ่าอินเดียแดงพื้นเมืองของทวีปอเมริกา คือ อะแพชี
ภายในบทความต่อไปนี้ใช้คำว่า อาปาเช่ ตามที่คนไทยนิยมเรียกกัน

Apache HTTP Server ประวัติ
การที่อาปาเช่เป็นซอฟต์แวร์ที่อยู่ในลักษณะของ โอเพ่นซอร์ส ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสามารถเข้ามาร่วมพัฒนาส่วนต่างๆ ของอาปาเช่ได้ ซึ่งทำให้เกิดเป็น โมดูล ที่เกิดประโยชน์มากมาย เช่น mod_perl, mod_python หรือ mod_php ซึ่งเป็นโมดูลที่ทำให้อาปาเช่สามารถใช้ประโยชน์ และทำงานร่วมกับภาษาอื่นได้ แทนที่จะเป็นเพียงเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการเพียงแค่ เอชทีเอ็มแอล อย่างเดียว นอกจากนี้อาปาเช่เองยังมีความสามารถอื่นๆ ด้วย เช่น การยืนยันตัวบุคคล (mod_auth, mod_access, mod_digest) หรือเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารผ่าน โปรโตคอล https (mod_ssl) นอกจากนี้ ก็ยังมีโมดูลอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมใช้ เช่น mod_vhost ทำให้สามารถสร้างโฮสท์เสมือน www.sample.com, wiki.sample.com, mail.sample.com หรือ www.ilovewiki.org ภายในเครื่องเดียวกันได้ หรือ mod_rewrite เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ url ของเว็บนั้นอ่านง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จากเดิมต้องอ้างถึงเว็บไซต์แห่งหนึ่งด้วยการพิมพ์ http://mydomain.com/board/quiestion.php?qid=2xDffw&action=show&ttl=1187400 แต่หลังจากใช้ mod_rewrite จะทำให้สั้นลง กลายเป็น http://mydomain.com/board/question/how_to_edit_wikipedia_content.html ซึ่งที่อยู่หลังนี้จะขึ้นอยู่กับว่าผู้ดูแลเว็บไซต์ต้องการให้อยู่ในลักษณะใด

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2550

Epiphany (เว็บเบราว์เซอร์)
บทความนี้มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษ เนื่องจากว่ายังไม่มีชื่อภาษาไทยที่กระชับ เหมาะสม หรือไม่รู้วิธีอ่านในภาษาไทย
Epiphany เป็นเว็บเบราว์เซอร์ของระบบเดสก์ท็อป GNOME พัฒนาต่อจากเว็บเบราว์เซอร์ Galeon
Epiphany เป็นหนึ่งในเบราว์เซอร์ที่ใช้ตัววาดหน้าเว็บ Gecko ของมูลนิธิมอซิลลา แต่ในส่วนของตัวโปรแกรมที่ติดต่อกลับผู้ใช้พัฒนาด้วย GTK+ แทนที่จะเป็น XUL แบบเบราว์เซอร์อื่นๆ ที่พัฒนาโดยมูลนิธิมอซิลลา
Epiphany มีความสามารถในระดับเดียวกับเบราว์เซอร์ยุคใหม่ตัวอื่นๆ เช่น มีระบบแท็บ, คุกกี้, ระบบป้องกันป๊อบอัพ และการติดตั้งโปรแกรมเสริมที่เรียกว่า extension จุดเด่นของ Epiphany คือพัฒนาโดยอิงตาม GNOME Human Interface Guidelines ซึ่งทำให้มีส่วนติดต่อผู้ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกับโปรแกรมอื่นๆ ของ GNOME
Epiphany พัฒนาต่อจาก Galeon โดย Marco Pesenti Gritti (ซึ่งเป็นผู้เริ่มพัฒนา Galeon เช่นกัน)

วันอังคารที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2550

อุ้ยเสี่ยวป้อ
อุ้ยเสี่ยวป้อ อุ้ยเสี่ยวป้อ (Lu Ding Ji : เต็กเตี้ยกี้ - ไร้กระบวนท่าสยบกระบวนท่าทั้งแผ่นดิน) เป็นนิยายเรื่องสุดท้ายของ กิมย้ง ซึ่ง เหง่ยคัง ถือว่าเรื่องนี้เป็นสุดยอดพัฒนาการทางการประพันธ์ของกิมย้ง และเป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือกิมย้งว่า " ไม่มีใครเป็นคู่แข่งได้ " ความเป็นยอดของเรื่องนี้อยู่ที่เป็นนิยายกำลังภายในที่ไม่ใช่นิยายกำลังภายใน นิยายกำลังภายในโดยทั่วไปมีขนบในการแต่งที่เห็นได้ง่ายอยู่สองประการคือ ตัวเอกต้องเป็นจอมยุทธหรืออย่างน้อยต้องมีวิทยายุทธ และตัวเอกต้องเป็นคนดีในแง่ของคุณธรรม แต่อุ้ยเสี่ยวป้อในเรื่องนี้มีลักษณะตรงข้ามกับขนบดังกล่าวทุกประการ ลักษณะดังกล่าวไม่เคยปรากฏในนิยายกำลังภายในเรื่องใดมาก่อน และเหง่ยคังว่าไม่มีเรื่องอื่นอีกต่อไป เรื่องนี้กิมย้งหันกลับไปใช้ประวัติศาสตร์จีนสมัยจักรพรรดิคังซี แห่ง ราชวงศ์ชิง มีส่วนสะท้อนการเมืองในจีนแผ่นดินใหญ่หลังปฏิวัติวัฒนธรรมอยู่ไม่น้อย แต่ความเด่นอยู่ที่สะท้อนธรรมชาติวิสัยมนุษย์ในสังคมปัจจุบันที่ต้องลดมาตราฐานศีลธรรมลงเพื่อความอยู่รอด เป็นนิยายที่มุ่มสะท้อนความจริงมากกว่าจะชี้นำผู้อ่านอย่างที่กิมย้งเคยสอดแทรกไว้ในแทบทุกเรื่องนับเป็นการแหวกวงล้อมครั้งยิ่งใหญ่ของนักประพันธ์เอกผู้นี้
ในด้านศิลปะการประพันธ์นั้น งานของกิมย้งมีความประณีตแยบยลทุกด้าน ที่เห็นได้ชัดคือ ด้านสำนวนภาษา กิมย้งมีทัศนะว่านิยายกำลังภายในเป็นวรรณกรรมแบบจีนแท้ แม้จะใช้ศิลปะการประพันธ์นวนิยายช่วยในการแต่ง แต่ไม่ควรใช้สำนวนภาษาแบบนวนิยาย ของตะวันตก ควรใช้สำนวนภาษาแบบนิยายรุ่นเก่าเช่นสามก๊กของจีน เป็นแนวทางพัฒนาให้เหมาะแก่ยุคสมัย
บางส่วนจากคำอธิบายในหนังสือสกัดจุดยุทธจักรมังกรหยก เต๊กเตี้ยกี้ (ลูติ่งจี้) เรื่องนี้ น.นพรัตน์แปล ครั้งแรกใช้ชื่อว่า 'เหยียบยอดยุทธจักร' ต่อมา เปลี่ยนเป็นเรื่อง 'อุ้ยเสียวป้อ' ตามชื่อพระเอกในเรื่อง ชื่อของนิยายเรื่องนี้หาคำไทยที่เหมาะสม แปลให้ตรงความหมายในภาษาจีนได้ยาก เต๊กปกติแปลว่า กวาง แต่โดยอุปมาหมายถึงสิ่งที่หมายจะ ล่าหรือแย่งชิงเอาให้ได้ ซึ่งมักเจาะจงหมายถึงอำนาจทางการเมืองหรือตำแหน่งกษัตริย์ เตี้ยแปลว่า กระถางธูปใหญ่อย่างที่ใช้ในศาลเจ้าจีน ของโบราณมีสามขา ใช้เป็นกระถางธูปในปราสาทเทพบิดร กระถางธูปสามขาตึงเป็นเครื่องหมายของการตั้งราชวงศ์ การมีอำนาจปกครองบ้านเมือง กี่แปลว่า การจดบันทึก เรื่องที่จดบันทึกไว้หรือประวัติ พอจะแปลรวมอย่างเอาความได้ว่า "บันทึกเรื่อง ไอศูรย์ราช" "บันทึกเรื่องบัลลังก์ราชย์" หรือ "บันทึกเรื่องบัลลังก์ราชัน" อันหมายถึงเรื่องของ พระจักรพรรดิคังซีซึ่งเป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องนี้
คำตามโดยท่านกิมย้ง (จากหนังสืออุ้ยเซี่ยวป้อ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ G Book แปล โดยท่านน.นพรัตน์)
เรื่องอุ้ยเซี่ยวป้อเริ่มนำลงในหนังสือพิมพ์หมิงเป้า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ค.ศ.1969 จวบกระทั่ง วันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1972 ค่อยนำลงจบเรื่อง ใช้เวลานำลงสองปีกับอีกสิบเอ็ดเดือน
ข้าพเจ้าเขียนนิยายกำลังภายในนำลงในหนังสือพิมพ์ชนิดวันต่อวันนี้ เขียนตอนหนึ่ง ตีพิมพ์ในวัน พรุ่งนี้ ดังนั้นหมายความว่านิยายเรื่องนี้ก็ใช้เวลาเขียนติดต่อกันสองปีกับอีกสิบเอ็ดเดือน หากว่าไม่มี สิ่งนอกเหนือความคาดหมาย (ในชีวิตของคนมักมีสิ่งนอกเหนือความคาดหมาย) นี่นับเป็นนิยายกำลัง ภายในเรื่องสุดท้ายของข้าพเจ้า
แต่เรื่องอุ้ยเซี่ยวป้อไม่คล้ายนิยายกำลังภายใน มิสู้บอกว่าเป็นนิยายอิงประวัติศาสตร์ ระหว่างที่นิยาย เรื่องนี้นำลงในหนังสือพิมพ์ มักมีนักอ่านเขียนจดหมายมาไต่ถาม "อุ้ยเซี่ยวป้อใช่เป็นคนอื่นเขียนแทน หรือไม่?" เนื่องเพราะพวกเขาพบว่านี่ต่างกับผลงานที่แล้วมาของข้าพเจ้านัก
ซึ่งความจริงนี่เป็นผลงานการเขียนของข้าพเจ้าทั้งสิ้น ต้องขอขอบคุณผู้อ่านทั้งหลายที่ให้ความเมตตา และผ่อนผันแก่ข้าพเจ้า เมื่อพวกเขาไม่พอใจผลงานเรื่องใด หรือตอนไหนของข้าพเจ้า จะทึกทักว่า เป็นคนอื่นเขียนแทน รักษาความดีไว้ให้กับข้าพเจ้า ผลักความไม่พอใจไปที่ "คนเขียนแทน" ซึ่งนึกวาด มโนภาพไว้ เรื่องอุ้ยเซี่ยวป้อต่างกับนิยายกำลังภายในของข้าพเจ้า นั่นเป็นความจงใจ
นักเขียนคนหนึ่งไม่ควร ย้อนรอยรูปแบบและลักษณะของตัวเอง ควรพยายามหาทางสร้างสรรค์ใหม่ มีนักอ่านบางคนไม่ชอบเรื่องอุ้ยเซี่ยวป้อ เพราะสืบเนื่องจากความประพฤติของตัวเองของเรื่อง ซึ่งตรงข้ามกับความคิดอ่านทั่วไป นักอ่านนิยายกำลังภายในคุ้นกับการพาตัวเองแทนที่วีรบุรุษใน หนังสือ
แต่อุ้ยเซี่ยวป้อผู้นี้ไม่สามารถแทนที่ได้ ทางด้านนี้ได้ลิดรอนความสุขบางประการของนักอ่าน ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจยิ่ง แต่ตัวเอกในนิยายไม่แน่ว่าต้องเป็น "คนดี" หน้าที่สำคัญประการหนึ่งของนิยายคือสร้างสรรค์ตัวละคร ทั้งคนดี คนชั่ว คนดีที่มีข้อบกพร่อง คนชั่วที่มีจุดเด่นทั้งหลายทั้งปวง ล้วนแล้วแต่นำมาเขียนได้ แผ่น ดินจีนในยุคสมัยคังฮีฮ่องเต้ บุคคลเช่นอุ้ยเซี่ยวป้อมิใช่เป็นไปไม่ได้ นักเขียนสร้างสรรค์บุคคลคนหนึ่ง ไม่แน่ว่ามีเจตนาให้เป็นแบบลักษณะที่แน่นอน เพียงแต่บรรยายว่ามีบุคคลเช่นนี้ ไม่ได้ชักชวนให้นักอ่าน ลอกเลียนความประพฤติของพวกเขา
คนอ่านเรื่อง ผู้ยิ่งใหญ่เขาเหลียงซาน ทางที่ดีอย่าลอกเลียน หลี่ขุย เมื่อเล่นแพ้พนันก็แย่งชิงเงินทอง และอย่าได้เป็นเช่นซ้องกั๋ง ที่ฆ่าชู้รักซึ่งคอยข่มขู่รีดไถในดาบ เดียว หลินไต้อี้ผู้เป็นนางเอกของความรักในหอแดง แสดงว่าไม่ใช่แบบอย่างของสุภาพสตรียุคปัจจุบัน อุ้ยเซี่ยวป้อไม่ได้มีความสัมพันธ์กับเพศตรงข้ามมากมายเท่ากู่เป่าอี้ผู้เป็นตัวเอกของความรักในหอแดง อย่างน้อยอุ้ยเซี่ยวป้อต่างกับกู่เป่าอี้ที่รักร่วมเพศเดียวกัน
ยังมีหลู่ซิ่น เขียนประวัติของอาคิว ไม่ได้ให้ การสนับสนุนชัยชนะทางใจ ตัวละครในนิยายหากสมบูรณ์พร้อมเกินไป ออกจะไม่เป็นจริงเป็นจัง นิยายไม่ใช่หนังสือศีลธรรม แต่ ผู้ที่อ่านนิยายของข้าพเจ้ามีคนหนุ่มสาวจำนวนมาก ดังนั้นใคร่ขอเตือนสติเพื่อนผู้เยาว์วัยทั้งหลายว่า อุ้ยเซี่ยวป้อถือคุณธรรมน้ำมิตร นับเป็นความประพฤติที่ดี ส่วนการกระทำอย่างอื่นอย่าได้ลอกเลียน ปฏิบัติตาม
ข้าพเจ้าเขียนนิยายกำลังภายในเรื่องยาวสิบสองเรื่อง เรื่องสั้นสามเรื่อง เรื่องแรกจอมใจจจอมยุทธ์ เขียนเมื่อปี ค.ศ.1955 เรื่องสั้นชิ้นสุดท้าย กระบี่สตรีแคว้นอ๊วก เขียนเมื่อเดือนมกราคม ปี1970 นิยาย เรื่องสั้นเรื่องยาวสิบห้าเรื่องใช้เวลาเขียนสิบห้าปี งานแก้ไขปรับปรุงใหม่เริ่มเมื่อเดือนมีนาคม ปปี ค.ศ. 1970 สิ้นสุดเมื่อกลางปี ค.ศ.1980 ใช้เวลาทั้งสิ้นสิบปี
แน่นอน ช่วงเวลานี้ยังทำงานอย่างอื่นอีกมาก มาย ส่วนสำคัญคือจัดทำหนังสือหมิงเป้ากับเขียนบทนำในหนังสือพิมพ์หมิงเป้า เมื่อพบกับนักอ่านที่แรกรู้จัก มักจะได้รับคำถาม "คุณชอบนิยายของตัวเองเรื่องไหนที่สุด?" คำถามนี้ ยากตอบได้ ดังนั้นมักไม่ตอบ หากเพียงเขียน"เรื่องที่ตัวเองรักชอบ" ข้าพเจ้ามีความรู้สึกผูกพันต่อเรื่อง มังกรหยกภาค 2 ดาบมังกรหยก จิ้งจอกอหังการ และ กระบี่เย้ยยุทธจักร เป็นพิเศษ
ทั้งมีคนไถ่ถาม "คุณเห็นว่านิยายของตัวเองเรื่องไหนดีที่สุด?" นี่เป็นกลเม็ดและคุณค่าของคำถาม ข้าพเจ้าเชื่อว่าเส้น ทางการเขียนของตัวเองมีความก้าวหน้า เขียนเรื่องยาวได้ดีกว่าเรื่องสั้นและเรื่องขนาดกลาง ผลงานยุค หลังดีกว่ายุคแรก แต่มีนักอ่านจำนวนมากไม่เห็นด้วย ข้าพเจ้าดีใจที่พวกเขาไม่เห็นด้วย
บทความจาก www.jadedragon.biz

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2550


จูเซปเป ปันคาโร่ (Giuseppe Pancaro) เกิดเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม ค.ศ. 1971 ปัจจุบันเล่นอยู่กับสโมสรโตริโน่ในตำแหน่งกองหลังผั่งขวา เริ่มเล่นอาชีพครั้งแรกกับสโมสรกายารี แล้วเคยประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดกับสโมสรลาซิโอในฤดูกาล 1999-2000
ตัวคูณร่วมน้อย